60% off

Kitchen Appliances

การที่จะชงกาแฟสักแก้วหนึ่งให้ออกมารสชาติดีและมีกลิ่นหอม ประกอบด้วยหลายปัจจัยมากๆ นอกจากจะต้องมีสูตรการชงที่ดี กรรมวิธีที่ถูกต้อง เมล็ดกาแฟคั่วก็มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก สำหรับมือใหม่อาจจะยังงงๆ ว่าเวลาเลือกซื้อเมล็ดกาแฟคั่วควรดูจากอะไรบ้าง วันนี้เรามีเทคนิคการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟฉบับเทียบเท่ามืออาชีพมาฝาก มาดูกันว่าเวลามือโปรเค้าเลือกซื้อเมล็ดกาแฟคั่วเค้าดูจากอะไรบ้างน

ระยะเวลาที่กาแฟคั่วเอาไว้ วันเดือนปีผลิต วันเดือนปีหมดอายุ

เมล็ดกาแฟคั่วจะนับอายุจากวันที่คั่วเสร็จเป็นวันแรก กาแฟหลังจากการคั่วแล้วจะมีอายุแค่เพียง 4-6 สัปดาห์ หลังจากนั้นแล้ว กาแฟจะเริ่มเสื่อมคุณภาพลงไปเรื่อยๆ ซึ่งระยะเวลาหลังคั่วที่จะให้รสชาติและกลิ่นที่ดีที่สุดคือ 2-3 วันหลังคั่ว ควรเลือกถุงที่ใหม่กว่าเพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นที่สมบูรณ์

เลือกซื้อในปริมาณที่เหมาะสมกับการบริโภค

อย่างที่บอกว่าเมล็ดกาแฟคั่วมีอายุการเก็บสั้น ถ้าทิ้งเอาไว้นานๆ ความหอมและรสชาติก็จะน้อยลงเรื่อยๆ แนะนำให้ซื้อในปริมาณที่เหมาะสม ใช้ให้หมดภายใน 1 อาทิตย์

เลือกเมล็ดกาแฟที่ถูกบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่ดี

เมล็ดกาแฟคั่วจะไม่ถูกกับแสงแดดและความชื้น จึงควรถูกบรรจุอยู่ในถุงที่ทึบแสง ที่สำคัญเมล็ดกาแฟจะคายอากาศและความชื้น ซึ่งส่งผลให้คุณภาพลดลงและอาจมีกลิ่นหืนได้ จึงควรเลือกกาแฟที่บรรจุในซองระบายอากาศ หรือ Freshness Wolves 

เลือกแหล่งที่มา

เลือกเมล็ดกาแฟคั่วที่มีรสชาติเฉพาะตัวเป็นพิเศษจากการผลิตของเมืองนั้นๆ

เลือกระดับความเข้มข้น

เลือกระดับความเข้มข้นของกาแฟได้จาก ระดับของการคั่วเมล็ด ซึ่งปกติจะแบ่งเป็น 3 ระดับ นั่นก็คือ

  1. Light Roast  กาแฟที่คั่วอ่อน เป็นสีน้ำตาลอ่อน ผิวแห้ง รสชาติ ความเปรี้ยวและกลิ่นของผลไม้จะยังคงหลงเหลืออยู่ก็ ให้ความรู้สึกถึงรสผลไม้บางอย่าง หรือกลิ่นดอกไม้ที่เป็นลักษณะเฉพาะของเมล็ดกาแฟนั้นได้เด่นชัด
  2. Medium Roast กาแฟที่คั่วกลาง สีน้ำตาลกลางถึงน้ำตาลเข้ม ผิวยังแห้งอยู่ คั่วกลางแบบนี้ เซลลูโลสโดนทำลายไม่หมด แต่ลดความเป็นผลไม้ลง เริ่มมีกลิ่นที่เข้มขึ้น ให้ความรู้สึกไปทางช็อกโกแลตหรือถั่วมากขึ้น
  3. Dark Roast กาแฟที่คั่วเข้ม สีเข้มจัดจนเกือบดำ มีน้ำมันเคลือบผิวกาแฟจนเป็นเงา เซลลูโลสในกาแฟโดนทำลายซึ่งทำให้สูญเสียรสชาติผลไม้ และมีกลิ่นไหม้ รสชาติขม เข้มแทน

สำหรับใครที่ชื่นชอบกาแฟคั่ว ขอแนะนำ “อะมา” แบรนด์กาแฟที่เป็นผลผลิตจากความตั้งใจของชาวเขา เกิดจากแหล่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ปลูกบนยอดเขาที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 1,280 เมตร ไร้การรบกวนจากภายนอก รสชาติพิเศษไม่เหมือนใคร นุ่มนวล กลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ จากดินเขาปางขอน ควบคุมกระบวนการปลูกและคัดสรรอย่างพิถีพิถัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *